Boolean

Boolean (บูเลียน) ถึอว่าเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญมากในการเขียนโปรแกรม เนื่องจากจะทำให้โปรแกรมนั้นมีการ "ตัดสินใจ" ได้จากเงื่อนไขที่เราสร้างขึ้น

Boolean จะมีค่าเพียง 2 แบบ คือ จริง true และเท็จ false ในภาษา Ruby นั้นจะเขียนเป็นตัวพิมพ์เล็ก

เพราะฉะนั้น เราจึงไม่สามารถตั้งชื่อตัวแปรเป็น true หรือ false ได้ เพราะว่าภาษาได้ทำการ "จอง" ชื่อนี้ไปแล้ว เรียกว่าเป็น Reserved Keywords ที่เราจะเอามาใช้เป็นชื่อของตัวแปรไม่ได้นั่นเอง

ดู Reserved Keywords ทั้งหมดได้ที่นี่ https://ruby-doc.org/core-3.0.0/doc/keywords_rdoc.html

Boolean Expression

Boolean Expression (นิพจน์บูเลียน) เป็นการสร้างค่า Boolean จากการเขียนโค้ดให้เป็น Expression ต่างๆ ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างนิพจน์ทางคณิตศาสตร์ (สมการ) ก่อน อาทิเช่น

  • 10 > 5 ใช้เครื่องหมาย "มากกว่า" >

    • เหมือนกับการตั้งคำถามว่า "10 มากกว่า 5 หรือเปล่า?" ซึ่งคำตอบคือ จริง ฉะนั้นผลของ Expression นี้คือ true

  • 10 < 5 ใช้เครื่องหมาย "น้อยกว่า" <

    • เหมือนกับการตั้งคำถามว่า "10 น้อย 5 หรือเปล่า?" ซึ่งคำตอบคือ เท็จ ฉะนั้นผลของ Expression นี้คือ false

  • a <= 5 ใช้เครื่องหมาย "น้อยกว่าหรือเท่ากับ" <=

    • Expression สามารถใช้คู่กับตัวแปรได้

    • ถ้า a มีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 เช่น 0, 5, -100 ผลของ Expression นี้คือ true

    • ถ้า a มีค่าไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 (มากกว่า) เช่น 6, 1000, 5.1 ผลของ Expression นี้คือ false

    • ถ้า a เป็นข้อมูลประเภทอื่นที่ไม่ใช้ตัวเลข (เช่น String) โปรแกรมจะทำงานไม่ได้ (Error)

  • 7 >= b ใช้เครื่องหมาย "มากกว่าหรือเท่ากับ" >=

    • ตัวแปรจะอยู่ด้านไหนของ Expression ก็ได้ หรือจะท้ังสองด้านก็ได้

    • ถ้า 7 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ b เช่น b เป็น 7, 6, 5, ... ผลของ Expression นี้คือ true

    • ถ้า 7 มีค่าไม่มากกว่าหรือเท่ากับ b (น้อยกว่า) เช่น b เป็น 8, 9, 10, ... ผลของ Expression นี้คือ false

  • a == bใช้เครื่องหมายเท่ากับสองตัว เพื่อเทียบว่ามีค่าเท่ากันหรือเปล่า

    • ถ้าค่าท้ังสองด้านเท่ากัน ผลของ Expression นี้คือ true

    • ถ้าค่าท้ังสองด้านไม่เท่ากัน ผลของ Expression นี้คือ false

  • a != bใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ !ตามด้วยเท่ากับ เพี่อเทียบว่ามีค่าไม่เท่ากันหรือเปล่า (ตรงข้ามกับ ==)

    • ถ้าค่าท้ังสองด้านไม่เท่ากัน ผลของ Expression นี้คือ true

    • ถ้าค่าท้ังสองด้านเท่ากัน ผลของ Expression นี้คือ false

เหตุผลที่ Expression "เท่ากับ" ต้องใช้เครื่องหมายเท่ากับสองตัว เพราะว่าการใช้เครื่องหมายเท่ากับตัวเดียว แสดงถึงการกำหนดค่าให้กับตัวแปร

  • a = 1 หมายถึง กำหนดให้ตัวแปร a มีค่าเป็น 1

  • a == 1 หมายถึง การถามว่า a มีค่าเท่ากับ 1 หรือไม่

นิพจน์ที่เป็นการเทียบว่าค่าเท่ากัน หรือไม่เท่ากัน สามารถใช้กับประเภทข้อมูลอื่นนอกจากตัวเลขได้ด้วย

  • String : name == "monosor" เป็นการเช็คว่าตัวแปร name มีค่าเป็น "monosor" หรือไม่

  • Boolean : is_admin == false เป็นการเช็คว่าตัวแปร is_admin มีค่าเป็น false หรือไม่

  • Nil : value == nil เป็นการเช็คว่าตัวแปร value มีค่าเป็น nil หรือไม่

นิเสธ (Negation)

ใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ด้านหน้าตัวแปร หรือ Expression เพื่อแปลงค่าความจริงไปเป็นตรงกันข้าม (จาก true เป็น false และ false กลายเป็น true)

Last updated